วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ครั้งที่ 5

บันทึกอนุทิน

รายวิชาการจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย

วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2558


ในวันนี้พวกเรานัดกันมาตอน 11 โมงเพื่อเตรียมตัวทำเซอร์ไพรส์วันเกิดให้อาจารย์เบียร์

ทุกคนตื่นเต้นกันมากเลย เมื่อเวลาใกล้มาถึง พถึงช่วงอาจารย์เข้ามาถึงห้องพวกเราก็ร้องเพลง

ด้วยความรักและผูกพันธ์ อาจารย์น่ารักมากๆเลยครับ พวกเราดีใจมากที่ได้ทำให้อาจารย์

จนบางทีเกือบร้องงไห้เลยย...อาจารย์เบียร์เป็นอาจารย์ที่น่ารัก นิสัยดี และเข้าใจเด็กๆทุกคน

พวกเรารักอาจารย์มากๆเลยนะครับ อาจารย์คอยช่วยเหลือพวกเราและดูแลพวกเราตลอดเลย

พวกเราขอขอบพระคุณอาจารย์มากๆเลยนะครับที่อาจารย์ยอมทำทุกอย่างเพื่อพวกเรา

พวกเราทุกคน รัก อาจารย์เบียร์นะครับ ^^



วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ครั้งที่ 4

บันทึกอนุทิน

รายวิชาการจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย


วันที่ 9  กุมภาพันธ์  2558


   กิจกรรม/การเรียนการสอนในครั้งนี้...


   ในการเรียนวันนี้อาจารย์มีกิจกรรมมาให้พวกเราได้ทำ คือ "กิจกรรมวาดภาพมือของเรา" 

โดยกิจกรรมเป็นดังนี้...


1.อาจารย์แจกถุงมือ 1 ข้างและแจกกระดาษคนละ 1 แผ่น

2.อาจารย์ให้นักศึกษาใส่ถุงมือด้านที่ตนไม่ถนัด พร้อมวาดภาพมือของตนเองด้านที่ไม่ถนัดให้เหมือน

   โดยให้นักศึกษานึกถึงลักษณะมือของตนเองตามที่เคยเห็น/สังเกต

3.เมื่อวาดภาพมือของตนเองในด้านที่ไม่ถนัดเสร็จ ให้แต่ละคนถอดถุงมือออกพร้อมสังเกตว่าคล้ายกัน
   
   หรือเหมือนกันหรือไม่

4.ให้นักศึกษาสังเกตมือข้างที่ม่ถนัดอีกครั้ง พร้อมวาดอีกหนึ่งรอบโดยวาดให้เหมือนที่สุด

   
ผลงานของกระผมที่ออกมาเป็น ดังนี้...




ผลสรุปของกิจกรรมนี้ คือ ไม่ว่าเราจะทำอะไรเราควรเป็นคนที่ช่างสังเกต เพราะ ในอนาคตการที่เรา

เป็นครู การสังเกต ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง และเราควรมีการสังเกตเด็กอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

เราถึงจะทราบว่าเด็กคนนี้มีพัฒนาการเป็นอย่างไร 

หากเราสังเกตเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเราอาจไม่ทราบดีว่าเด็กคนนนี้มีพัฒนาการเป็นเช่นไร

เปรียบเทียบกับการวาดภาพ มือของเรา คือ ขนาดมือเป็นสิ่งที่อยู่กับเราตลอดเวลาแต่เรา

ไม่ให้ความสำคัญในการสังเกตเรายังไม่รู้เลยว่ามือของเรามีลักษณะเป็นอย่างไรบ้าง

ดังนั้น เราควรให้ความสำคัญเด็กทุกคนในการสังเกตและทำเป็นประจำ/สม่ำเสมอและต่อเนื่อง


  เนื้อหาในการเรียนครั้งนี้

  การสอนเด็กพิเศษและเด็กปกติ

-  ทักษะของครูและทัศนคติ

   ทักษะ คือ การหาความรู้เพิ่มเติม เช่น การสัมมนา สื่อต่างๆ เช่น หนังสือ อินเตอร์เน็ต ยูทูบ วิดีโอต่างๆ

   ทัศนคติ  คือ  ต้องมองเด็กพิเศษทุกคนให้เหมือนเด็กปกติทั่วไป ทำให้เด็กเชื่อใจได้ ซื้อใจเด็กให้ได้

-  ความพร้อมของเด็ก

1.วุฒิภาวะ

2.แรงจูงใจ (ขึ้นอยุ่กับครูที่จะทำให้เด็กเกิดความสนใจในการเรียนรู้)

3.โอกาส


- การสอนโดยบังเอิญ  จะเกิดมากที่สุดในช่วงที่เด็กวิ่งมาหาครู

   ควรให้เด็กเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ครูควรสอนในเรื่องที่เด็กอยากรุ้ในระยะเวลาที่พอดี ไม่มากเกินไป

ควรจำเย็น อย่ารำคาญเด็ก ให้ความสนใจเด็กมากที่สุดและทำให้เด็กเกิดความสนุกในการเรียน


- อุปกรณ์หรือสื่อ

   สื่อที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุด คือ สื่อที่ใช้ได้หลากหลาย หลายแบบ ใช้ได้ง่าย ใช้งานได้เยอะ

และสามารถใช้ได้ทั้งเพศหญิง/เพศชาย


- ตารางประจำวัน

   ควรมีลักษณะที่เป็นระบบ หรือ เด็กสามารถคาดคะเนได้ว่าวันนี้ตนเองจะเรียนอะไร เวลาต่อไป

ตนเองจะทำอะไร มีการจัดลำดับขั้นตอนและมีเวลาที่เหมาะสม


-ทัศนคติของครู

  1.ความยืดหยุ่น  อย่ายึดติดกับแผนการสออนควรมีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าหรือจัดให้เหมาะสมกับ

สถานการณ์  ครูควรนึกถึงเป้าหมายหลัก อย่าคาดหวังเยอะ อย่าสอนอะไรเพิ่มเติมจากจุดประสงค์

  2.การใช้สหวิทยาการ  คือ มีใจกว้างการรับฟังคำแนะนำของบุคคในอาชีพอื่นๆ สร้างความสัมพันธ์

ระหว่างการบำบัดกับกิจกรรในห้องเรียน เช่น ใช้การร้องเพลงแฝงการบำบัด

 3.การเปลี่ยนพฤติกรรมและการเรียนรู้  ดีที่สุด คือ การให้แรงเสริม/การเสริมแรง

 4.เด็กทุกคนสอนได้ /เด็กเรียนไม่ได้ เพราะ ขาดโอกาส


- เทคนิคการให้แรงเสริม

  ขึ้นอยู่กับความสนใจของผู้ใหญ่ ยิ่งเสริมแรงเท่าไหร่ เด็กยิ่งทำได้ดี แต่เราควรให้การเสริมแรงแบบพอดี

ไม่ควรให้การเสริมแรงเยอะจนเกินไป และควรให้การเสริมแรงเมื่อมีพฤติกรรมที่เหมาะสม 

หากเด็กมีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ครูควรทำเป็นไม่สนใจ/หยุดชมทันที


- วิธีการแสดงออกถึงแรงเสริมของผู้ใหญ่

   การพูด/ชมเชย  การยืนหรือนั่งใกล้เด็ก  พยักหน้า ยิ้มรับ การสัมผัสทางกาย เช่น กอด 

และการให้ความช่วยเหลือ/ร่วมกิจกรรมกับเด็ก


- การแนะนำหรือบอกบท (ใช้ได้ดีที่สุดในเด็กพิเศษ)

  หมายถึง การย่อยงาน โดยเรียงลำดับความยากง่ายของงาน ซึ่งในการเรียงลำดับงานพร้อมให้แรงเสริม

นั้นจะสามารถทำให้เด็กทำงานได้อย่างสำเร็จ ครูอาจมีการย้อนคำตอบให้เด็กตอบเพื่อเป็นการช่วยเหลือ

เด็กอีกด้วย


- การลดหรือหยุดแรงเสริม

  ครูจะงดแรงเสริมกับเด็กที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ทำเป็นไม่สนใจเด็ก เอาของของเล่นหรืออุปกรณ์

ออกไปจากเด็ก  เอาเด็กออกจากกิจกรรม หรือ Time out   คือ การให้เด็กนั่งออกจากกิจกรรมโดย

ให้เด็กระลึกว่าตนเองทำสิ่งใดผิด


- ความคงเส้นคงวา

   ครูควรมีความคงที่ตลอดปี/มีความกระตือรือร้นตลอดภาคเรียน พยายามตื่นตัวตลอดเวลา